สถาบันพัฒนาสุขภาพอาเซียนร่วมกับสมาคมเวชศาสตร์ป้องกันแห่งประเทศไทยและสำนักงานเขตสุขภาพที่ 5 เปิดอบรมหลักสูตรนักบริหารระดับสูงด้านสาธารณสุข (นบสส) รุ่นที่ 43
วันที่ 29 สิงหาคม 2567 สถาบันพัฒนาสุขภาพอาเซียนร่วมกับสมาคมเวชศาสตร์ป้องกันแห่งประเทศไทยและสำนักงานเขตสุขภาพที่ 5 เปิดอบรมหลักสูตรนักบริหารระดับสูงด้านสาธารณสุข (นบส.ส) รุ่นที่ 43 สัญจรเขตสุขภาพที่ 5 โดยมีรองศาสตราจารย์ ดร.มธุรส ทิพยมงคลกุล รักษาการแทนรองผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยและวิชาการ สถาบันพัฒนาสุขภาพอาเซียน กล่าวความเป็นมาและต้อนรับผู้เข้ารับการอบรม โดย นายแพทย์สุรชัย โชคครรชิตไชย ผู้อำนวยการโรงพยาบาลนครปฐม กล่าวรายงานวัตถุประสงค์การจัดการอบรม รวมทั้งได้รับเกียรติจากนายแพทย์กิตติ กรรภิรมย์ ผู้ตรวจราชการกระทรวงสาธารณสุข เขตสุขภาพที่ 5 และ ดร. นพ.พรเทพ ศิริวนารังสรรค์ นายกสมาคมเวชศาสตร์ป้องกันแห่งประเทศไทยเป็นประธานในพิธีเปิดการอบรมดังกล่าว
ในโอกาสนี้ นายแพทย์กิตติ กรรภิรมย์ ผู้ตรวจราชการกระทรวงสาธารณสุข เขตสุขภาพที่ 5 ให้เกียรติบรรยายพิเศษ เรื่อง นโยบายสุขภาพสู่การปฏิบัติเพื่อการบรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน และ ดร. นพ.พรเทพ ศิริวนารังสรรค์ บรรยายในหัวข้อ “เวชศาสตร์ป้องกันเชิงประยุกต์สำหรับผู้บริหารระบบสุขภาพ” และ “การบริหารการเงิน การคลังในโรงพยาบาลและสถานบริการสุขภาพ” ให้กับผู้เข้าร่วมการอบรม ซึ่งประกอบด้วย แพทย์ พยาบาล นักวิชาการด้านสุขภาพ ในสังกัดสำนักงานเขตสุขภาพที่ 5 จากจังหวัดราชบุรี กาญจนบุรี สุพรรณบุรี นครปฐม สมุทรสาคร สมุทรสงคราม เพชรบุรี และประจวบคีรีขันธ์)และ จังหวัดใกล้ จำนวน 80 คน ณ โรงแรมไมด้า แกรนด์ ทวารวดี นครปฐม
หลักสูตรนักบริหารระดับสูงด้านสาธารณสุข (นบส.ส) รุ่นที่ 43 สัญจรเขตสุขภาพที่ 5 จัดขึ้นระหว่างวันที่ 29 สิงหาคม – 19 ธันวาคม 2567
จากความร่วมมือทางวิชาการของสถาบันพัฒนาสุขภาพอาเซียน สมาคมเวชศาสตร์ป้องกันแห่งประเทศไทยและสำนักงานเขตสุขภาพที่ 5 เพื่อพัฒนาสมรรถนะบุคลากรระดับผู้บริหารเพื่อสร้างภาคีเครือข่ายจัดการระบบสุขภาพที่มีคุณภาพให้ก้าวทันบริบททางสังคมที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว มุ่งเน้นพัฒนาทักษะความคิดวิเคราะห์ที่นำไปสู่การขับเคลื่อนองค์กรและสามารถบริหารจัดการกับความท้าทายที่หลากหลาย พร้อมทั้งหลักสูตรฯ จัดกระบวนการอบรมเพื่อส่งมอบความรู้และประสบการณ์จากวิทยากร ผู้รู้จริง ผ่านรูปแบบการเรียนรู้ที่หลากหลายทั้งการบรรยาย การฝึกปฏิบัติจริงพร้อมกับวิทยากรประจำกลุ่ม และเรียนรู้จากการจัดทำโครงงานโดยมีผู้ทรงคุณวุฒิให้ข้อเสนอแนะ เพื่อนำไปพัฒนาระบบบริการสุขภาพที่เชื่อมโยงการบริการแบบไร้รอยต่อครอบคลุม ทั่วถึง เพื่อประชาชนมีสุขภาพดี